
ถ้าคุณกำลังมองหาหลักสูตรปริญญาโทที่ “เข้าใจธุรกิจจริง” “ใช้เทคโนโลยีเป็น” และ “เชื่อมต่อคนเก่งในวงการ” Blog นี้มีคำตอบให้คุณ!
คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เรียน MBA เพราะอยากได้เงินเดือนเพิ่ม หรืออยากเลื่อนตำแหน่ง
แต่ที่จริงแล้ว… MBA ในยุคนี้ต้อง มากกว่านั้น
โลกเปลี่ยนเร็ว ธุรกิจเปลี่ยนแรง
งานที่มั่นคงอาจจะไม่มีอยู่จริง
คนที่ “พร้อมปรับตัว” ต่างหากคือคนที่ไปต่อได้
MBA for IT-Smart Program – Innovative Marketing คือหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับคนที่คิดแบบนี้
คนทำงานสาย Marketing / Digital / Business ที่อยากอัปสกิลแบบมีระบบ
เจ้าของกิจการ / SME ที่ต้องการทำธุรกิจให้ทันยุค AI และ Marketing Technology
คนทำงานที่อยากเปลี่ยนสายมาทาง “การตลาด” แต่ไม่รู้จะเริ่มจากไหน
คนที่ทำงานไปแล้ว แต่อยากได้ “มุมคิดใหม่” แบบเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ
คนที่ไม่ได้จบบริหารธุรกิจ แต่อยาก กลับไปพัฒนาธุรกิจครอบครัว หรือ ทำธุรกิจของตัวเอง
คนที่ไม่ได้จบบริหาธุรกิจ แต่กำลังจะต้องเติบโตขึ้นระดับบริหารในองค์กร
นักศึกษาเพิ่งจบ แต่ต้องการ shortcut เห็นมุมมองธุรกิจจากพี่ๆ ต่างอายุ ต่างอาชีพ
สรุป มีความฝันบางอย่างที่ยังไปไม่ถึง เช่น เลื่อนตำแหน่ง, เปลี่ยนสายงาน, อยากทำธุรกิจ แต่ไม่เคยเข้าใจว่าทำธุรกิจต้องรู้อะไร?
ขอเล่าแบบภาษาง่ายๆ นะครับ โครงการเปิดหลักสูตรตั้งแต่ปี พศ. 2547 โดยยุคแรกเปิดเป็นสาขาการจัดการทั่วไป (รุ่นที่ 1-2) เพราะมองว่าผู้บริหารต้องตามทันเทคโนโลยี วันนั้นก็พยายามหาเครื่องมือต่างๆ เช่น ERP, BI, Data Mining มาแทรกในบางรายวิชา (ยุคนั้นแจก Notebook ด้วยนะ แต่อย่าอิจฉาไป)
แต่เมื่อประเมินแล้ว ได้ปรึกษาและได้รับแนวคิดร่วมกับ รศ.สัมพันธ์ ธาราทิพยกุล ประธานโครงการฯ ในยุคนั้นด้วยคำว่า เรามาทำ "การตลาด" กันดีกว่า เพราะมุมมองที่ว่าแนวคิดการตลาดเป็นความสามารถเฉพาะตัว ไม่เหมือนการจัดการ ที่ต้องยึดตามองค์กร และหากไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ คงเปลี่ยนแปลงคน หรือวัฒนธรรมองค์กร ค่อนข้างยาก
เราก็เชิญอาจารย์มาหลายท่านมาร่วมกันคิด Concept เพื่อให้การตลาดของเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสอดคล้องกับชื่อโครงการฯ จึงได้ Concept ออกมาว่า "Innovative Marketing" ขานรับกับ IT-Smart Program และมี ไอเดียเสริมว่า IT ก็ให้ย่อมาจาก Innovative และ Technology นั่นเอง ส่วน Innovative Marketing เป็นโจทย์ที่ยาก เพราะการตลาดของเราจะต้องมีอะไรใหม่ตลอดเวลาให้สมกับคำว่า Innovation หรือ นวัตกรรม นั่นเอง ในอดีต เราก็ใช้เรื่องของ Online, E-Commerce, Website, Social Media และ Big Data มาเสริมการสอนตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง
จนถึงปัจจุบัน วันที่การตลาด ต้องขับเคลื่อนด้วย Data จึงได้เสริมทัพครั้งใหญ่ และเชิญทีมผู้สอนที่เป็นตัวจริงแต่ละด้านมาเสริมทัพ โดยเชิญ ดร.เอกสิทธิ์ พัชรวงศ์ศักดา หรือ อ.เอก ที่เก่งด้าน Data มากๆ มาช่วยให้นักการตลาดเข้าใจเรื่อง Data เพื่อการทำงาน และปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องไปแต่ละรุ่น เช่น RapidMiner หรือ PowerBI และได้เชิญ อ.หนุ่ย ณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน มาเสริมทัพในการ ให้เข้าใจการใช้ Data และตั้งคำถามเกี่ยวกับ Data ซึ่งแต่ละรุ่น ก็มีเนื้อหาเปลี่ยนแปลงตลอด รวมถึง อ.บอล จิตติพงษ์ เลิศประดิษฐ์ ผมขอเรียกว่าเจ้าพ่อแห่งวงการ MarTech แล้วกัน คนนี้บอกเลยเปิดโลก MarTech มากๆ และนักการตลาดอย่าลืมไปงาน MarTech นะครับ อ.บอลเป็นผู้จัดมาทุกปี ดีมากๆ ทีเดียว จะว่าไปปัจจุบันเราหนีเรื่องของ AI ไม่ได้ ก็ต้องเอามาใส่ให้เป็นเรื่องเป็นราว เราก็ได้ อ.พีท ณัฐพล ยงค์ไพบูลย์ เจ้าของเพจ ChatGPT on Marketing มาสอนเราใช้ AI ด้วยซะเลย และอีกท่านที่ขาดไม่ได้ ณ วันนี้สาย MarTech ตัวจริง แถมเป็น CEO & Co-Founder PAM Marketing Automation คือ อ.พงษ์ ไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล มาเสริมทัพด้านอีกท่าน แทบรับรองได้ว่า นักการตลาดยุค AI & MarTech เรามีครบแน่นอน
ส่วนสายการตลาด เรายังมี Guest มาเรื่อยๆ อีกหลายท่าน ตามโอกาส และคนที่ช่วยรับผิดชอบวิชาการตลาดหลักๆ ก็คือ อ.เป้อ ดร.ชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย สาวเก่งที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเก่งเบอร์ใหนดี ทุกรุ่นที่เรียนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "สุดยอด" นี่ยังไม่รวม ดร.นิเวศน์ ธรรมะ คนนี้ก็เก่งไม่ธรรมดา อ้อๆ มีอีกท่านที่ลืมไม่ได้เลย ดร.ภูวนาถ บางพาน หรือ อ.พี่ภู เป็นทั้งที่ปรึกษา เป็นทั้งนักการตลาดให้สารพัดแบรนด์ ก็มาสอนที่ด้วยนะครับ ส่วนผมเอง (ผู้เขียน Blog) ก็ช่วยสอนด้วย แต่อวยตัวเองไม่ได้ เพราะผมทฤษฏีและแนวคิดการตลาดแบบลูกทุ่ง แต่คุณต้องเรียนหลักคิด และแนวคิดก่อน ที่จะรู้ว่าไปใช้งานจริงๆ อย่างไร? เอาว่าขอจบเรื่องอาจารย์ไว้เท่านี้ดีกว่า แต่มันใจจริงๆ ว่าจะมีคนเก่งๆ นักการตลาดตัวจริง หลายท่านมาหมุนเวียนแน่นอน ใครอยากรู้ว่ามีใครมาช่วยสอนประจำที่นี่บ้าง ดูจาก Link นี้ได้เลยครับ
สิ่งที่ผมมั่นใจ คือ MBA การตลาดที่นี่ ไม่ได้สอนแค่ในตำรา แต่ต้องให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงๆ
ภาพใหญ่: จากผู้เชี่ยวชาญสายเดิม → สู่ผู้จัดการ/หัวหน้าหน่วยธุรกิจ ที่สื่อสารกับทุกฝ่ายและทำให้แผนเกิดผลจริง
ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา หลักสูตร MBA การตลาด ก็คงจะไกล้เคียงและเหมือนกันทุกที่ ในจุดที่ผู้บริหาร และนักการตลาด ปัจจุบันต้องรู้ภาพรวมของบริหารธุรกิจ แต่ถ้าด้วยความที่เราใช้แนวคิด Innovative Marketing เราเลยความเป็นนักการตลาดยุค AI ต้องรู้มากกว่าคนอื่น หรืออยากเทียบความแตกต่างจริงๆ อยากให้ไปดูในรายวิชาสาขา หรือเอกวิชาว่าแต่ละที่ ที่คุณสนใจ สอนวิชาอะไรบ้าง และมีใครเป็นผู้สอนบ้าง น่าจะเป็นรายละเอียดที่ตอบได้ว่าแตกต่างกันอย่างไร? อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด (เอาตรงๆ ผมไม่ชอบบอกว่าเราดีกว่าคนอื่นอย่างไร เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน เป้าหมายแตกต่างกัน และสุดท้ายจริงๆ คือ ความพยายาม มุ่งมั่น และตั้งใจของผู้เรียนสำคัญที่สุด เอาเป็นว่าเราเลือกสอนวิชาดังนี้ในเอกวิชาการตลาด
จริงๆ แล้วมีเยอะมากๆ ครับ หลายท่านหมุนเวียนไป ตามฤกษ์สะดวก (ถ้าผมหาคิวได้ทัน ผมก็จะเชิญมาสอน แต่มันใจได้ว่า ทุกท่านที่เชิญมาจากภายนอกไม่ธรรมดาแน่นอน) สิ่งที่สำคัญ คือ เรามุ่งเน้นว่า นศ. ที่มาเรียนจะต้องได้ความรู้กลับไปคุ้มค่ามากที่สุด ใหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว ไปลองดูหน้าตา อาจารย์ที่สอนเราเป็นประจำได้ที่ Link หน้าอาจารย์พิเศษและผู้เชี่ยวชาญครับ
คำถามนี้เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยมากๆ ครับ ส่วนตัวผมเองมองว่า ทุกคนเรียน MBA ได้ ถ้าอยากทำธุรกิจ เข้าใจธุรกิจ และเติบโตในโลกธุรกิจ สิ่งที่สำคัญต้องเข้าใจเป้าหมายของตัวเองว่าจะเรียนเพื่ออะไร? ลองไปวิเคราะห์เพิ่มเติมครับว่าเราอยากเสริมตัวเองในมุมมองด้านใหน ลองดู link นะครับในมุมมองว่า คุณจบปริญญาตรีศาสตร์ใหนมา เรียน MBA แล้วได้อะไร กับจะเลือกเรียน MBA เอกวิชาอะไรดี
คำถามนี้คงเป็นเรื่องที่กลัวสำหรับคนไทยหลายๆ คนหากพูดแบบตรงไปตรงมานะครับ ซึ่งในอดีตยอมรับว่าการที่เราได้ภาษาจะเป็นข้อได้เปรียบหลายๆ คนที่สามารถเรียนรู้พัฒนาตัวเองได้ก่อนอื่น เพราะตำรา/วิจัย/เอกสารส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ หากเราได้ภาษาก็จะสามารถหาข้อมูลใหม่ๆ ได้ดีกว่า แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ทำให้ข้อจำกัดด้านภาษาลดลง เราสามารถใช้ AI หลายตัว ที่ช่วยให้เราแปล และสรุปเนื้อหาออกมาได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นไม่ต้องกลัวครับ หลักสูตรเราเป็นภาษาไทย สอนภาษาไทย ถึงแม้ว่าบางรายวิชาจะให้ Text Book ก็ตาม แต่ก็สอนเป็นภาษาไทย ไม่หลอกให้ นศ มานั่งแปลหนังสือแน่นอน
เป็นคำถามที่ดีครับ สำหรับหลายๆ คน และขอพูดแบบตรงไปตรงมาอีกครั้งนะครับ การที่เราเลือกเรียนศาสตร์ใหม่ที่เราไม่เคยเรียน ก็จะไม่มีอะไรง่ายแน่นอน เพราะถ้าง่ายจริงๆ เราก็คงไม่ต้องเรียน แถมป่านนี้ทุกคนคงรวยไปหมดแล้ว แต่จะบอกว่ายาก ก็ไม่เชิง เพราะถ้าหากเราเรียนเพราะอยากพัฒนาตัวเอง อยากเรียนรู้ อยากนำไปใช้ประโยชน์จริงๆ ผมเชื่อว่าการเรียนจะเป็นการตอบโจทย์ที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อน และจะไม่ยากเกินไป เพราะคุณจะมีเพื่อน พี่ น้อง และคณะอาจารย์ ที่คอยช่วยแนะนำ และช่วยเหลือคุณตลอดเวลา สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็อยู่ที่ตัวเราเอง ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความสำเร็จก็จะอยู่กับเราแน่นอน
คุณสามารถลองเข้าไปดูโครงสร้างรายวิชา หรือถามทีมที่ปรึกษาของเราแบบไม่ผูกมัดเลยครับ