3 ระดับ “ความพัวพัน” ของผู้บริโภค (Consumer Involvement) กับการตัดสินใจซื้อ

จากที่ได้อ่าน และทำความเข้าใจหนังสือ Marketing ของ Kerin & Hartley ผมสนใจ เรื่องนี้พอดี ก็เลยอยากมาแบ่งปันแนวคิดสำหรับทุกๆ เผื่อท่านที่สนใจ ไปวิเคราะห์และต่อยอดแนวคิดของตัวเองได้ ขอใช้ชื่อภาษาไทยว่า 3 ระดับ “ความพัวพัน” ของผู้บริโภค (Consumer Involvement) กับการตัดสินใจซื้อ ซึ่งความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรูปแบบการแก้ปัญหาของผู้บริโภค 3 รูปแบบ โดยพิจารณาจากระดับความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และความพัวพัน (involvement) ของผู้บริโภค
รูปแบบการแก้ปัญหาทั้งสามแบบนี้มีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ ดังนี้:

ข้อคิดสั้น: “ยิ่งพัวพันสูง → ต้องการข้อมูลลึกและหลักฐานมาก / ยิ่งพัวพันต่ำ → ต้องการความสะดวกและสิ่งกระตุ้นให้หยิบซ้ำ”

ภาพจาก Comparison of problem-solving variations: extended problem solving, limited problem solving, and routine problem solving. ความแตกต่างของวิธีแก้ปัญหาในการตัดสินใจซื้อ (Extended / Limited / Routine Problem Solving) จาก (Kerin & Hartley, 2023, p. 136)

1. Extended Problem Solving — ใช้เวลาคิดนาน เจาะลึก

เป็นรูปแบบที่ใช้ในสถานการณ์การซื้อที่มี "การมีความพัวพันสูง (HIGH)" ซึ่งเป็นกรณีที่สินค้ามีราคาสูง (expensive) อาจมีผลกระทบต่อตัวเองที่จริงจัง จึงคิดนาน (serious personal consequences) หรืออาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางสังคม (social image)

  • ระดับความพัวพัน: - สูง (HIGH)
  • จำนวนยี่ห้อที่ตรวจสอบ: — มาก (Many)
  • จำนวนผู้ขายที่เลือกพิจาณา: — มาก (Many)
  • จำนวนคุณลักษณะที่ประเมิน: — มาก (Many attributes)
  • การค้นหาข้อมูล: — ทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างมากในการค้นหาข้อมูลภายนอก
  • เวลาที่ใช้ในการพิจารณา: — ยาวนาน (Long)